วินัยสู่ชีวิต
วินัยสิ่งที่สำคัญมากมาก
ผู้เข้าชมรวม
593
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
มารู้จักกับคำว่าวินัยในตัวเองกันดีกว่า
สมมติให้ "วินัยในตัวเอง" เป็นผู้ชายหนึ่งและเป็นเพื่อนคุณ คุณพาเพื่อนคุณคนนี้ไปแนะนำกับทุกๆคนในงานเลี้ยง ไม่บอกก็รู้ว่า ทันทีที่ถูกแนะนำตัว ทุกคนจะพากันเกลียดเขาทันที เขาจะวิ่งไปมาอย่างรวดเร็วในงาน คำพูดที่จะได้ยินจากเขาคือ "เอาบุหรี่นั่นออกจากปากคุณเถอะ แล้วก็เลิกสูบบุหรี่เสียที ไม่อยากอยู่กับลูกเมียนานๆหรือ" "เหล้านั่นเป็นสิ่งไม่ดี เลิกดื่มเสียเถอะ" "อย่ามัวกินอาหารขยะ (Junk food) อยู่เลย ไม่มีประโยชน์ อ้อ.. แล้วก็เลิกมองแฟนสาวของเพื่อนคุณด้วย" แน่นอนว่าทุกๆคนแทบรอไม่ไหว ที่จะพร้อมใจกันโยนเขาออกนอกงาน เหตุผลน่ะหรือ ง่ายมากครับ
"วินัยในตัวเอง" มีชื่อเสียงตกอับมานาน ตัวมันถูกปฏิเสธมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ หลายพันปีโน่นแล้ว เป็นแฟชั่นมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้วว่า ต้องทำตามความชอบก่อน ส่วนผลของมันเป็นอย่างไร เอาไว้ว่ากันทีหลัง มันไม่แปลกหรอกที่คุณก็เป็นคนหนึ่ง ที่จมอยู่กับความคิดตามแฟชั่นแบบนี้ กินมากกว่าที่ร่างกายต้องการ ,นอนจนเกินความจำเป็น ,ดีแต่พูด แต่ไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่พูดเสียที นี่แหละ นิสัยเหล่านี้แหละ ที่เป็นแฟชั่นอันโด่งดังอย่างแท้จริง
อีกด้านหนึ่งนั้น "วินัยในตัวเอง" ไม่ใช่ธรรมชาติที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ไม่ได้มากับกรรมพันธ์ แต่ได้มาด้วยการสร้างขึ้นเองต่างหาก รากศัพท์ของคำว่า Discipline (วินัย) คือ สิ่งใดก็ตามที่ติดยึดอยู่กับหลักการ เมื่อรวมกับคำว่า Self รวมกันก็คือ การติดยึดเกี่ยวกับหลักการของคุณเอง คนทั่วไปส่วนมาก (รวมถึงนักเพาะกายบางคนด้วย) มีชีวิตอยู่โดยไม่มีหลักการเลย
เริ่มต้นอย่างไร - มันเป็นเสียงที่อยู่ในใจคุณ
ทุกๆคนสามารถได้ยินเสียงจากจิตใจคุณ เราต่างต้องพึ่งพามัน จิตใจจะพูดกับเราตลอดเวลา ให้เราทำอย่างนั้น ให้เราทำอย่างนี้ สิ่งใดก็ตามที่จิตใจพูดกับเรา มันจะขึ้นอยู่กับของสามสิ่ง สัญชาติญาณ มันคือผลึกความคิดของคุณ ที่ตกตะกอนมาจากสิ่งที่พ่อคุณสอนคุณในสมัยเด็ก และเมื่อคุณโตขึ้นมาอีก มันก็คือผลึกความคิดที่มาจากสิ่งที่คุณได้พบเห็นด้วยตัวเอง
ถ้าคุณมีภูมิหลังอันเลวร้าย และยังคงมีมันอยู่ ก็เป็นไปได้ว่าจิตใจคุณก็จะบอกคุณให้ทำแต่เรื่องทางลบ ในทางกลับกัน ถ้าชีวิตที่ผ่านมาของคุณ เจอแต่เรื่องดีๆ ได้รับการสั่งสอนในทางที่ดี ก็มีแนวโน้มเป็นอย่างมากที่คุณจะมีความคิดในทางบวก และเจ้าความคิดทางบวกนี่เองที่มีส่วนในการสร้าง "วินัยในตัวเอง" ให้คุณ
เพื่อให้ได้มาซึ่งวินัยในตัวเองนั้น ก่อนอื่นคุณต้องยอมรับตัวคุณเองก่อน ว่าคุณเป็นคนแบบไหน ลองดูสิว่าคุณเป็นคนประเภทไหน
ก.) "ผมไม่แน่ใจว่าผมจะทำอันนั้นได้ครับ" "ผมอยากเกิดมามีหุ่นอย่างผู้ชายคนนั้นจริงๆ" "กว่าผมจะได้มีโอกาสดีๆ ทุกอย่างมันก็สายไปเสียแล้ว" "คงไม่มีอะไรเสียหายหรอกน่า ถ้าวันนี้ฉันจะไม่เข้ายิมสักวัน" "ฉันหวังว่าที่ฉันออกกำลังไปวันนี้ มันคงจะได้ผลนะ"
ข.) "ผมมั่นใจเลยว่ามันต้องได้ผล" "นับวัน ผมยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายเข้าไปทุกที" "ผมมั่นใจว่าระบบนี้ต้องได้ผลเต็มที่" "ผู้รู้สึกว่ากล้ามเนื้อผมกำลังเติบโต" "ผมรู้ว่าอีกไม่นาน ผมจะยกน้ำหนักได้มากกว่าวันนี้เยอะเลย"
เอาละ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนประเภท ก.ไก่ หรือ ข.ไข่ ก็จงยอมรับตัวเองก่อน จากนั้นก็ถึงเวลาที่คุณควรรู้ไว้ตั้งแต่วันนี้เลยว่า คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นได้ ผมพูดได้เพราะมีคำยืนยันจากนักวิจัยว่า คุณสามารถเลือก จะให้จิตใจคุณพูดกับคุณว่าอย่างไร และเมื่อมันพูดแล้ว คุณก็มีหน้าที่ทำตามมันเท่านั้น ลองเลือกสิ่งเหล่านี้เอาไว้สั่งจิตใจคุณดูสิครับ
1.การเพาะกาย เน้น การวางแผนว่าต้องการจะให้คนอื่นเห็นคุณรูปร่างเป็นอย่างไร ไม่ใช่ใส่ใจว่าตอนนี้หุ่นคุณเป็นอย่างไร
2.จงทำสิ่งต่างๆตรงนี้ และเดี๋ยวนี้ เพื่อสิ่งดีๆในอนาคต คุณจะต้องลืมสิ่งที่ผ่านมาในอดีตเสีย พยายามให้จิตใจคุณเตือนคุณให้บ่อยที่สุดว่า อดีตก็คือขยะของปัจจุบันเท่านั้น มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
3.ให้เสียงในใจของคุณ บอกจุดประสงค์แบบเน้นไปเลยว่า ต้องการอะไร อย่างเช่น ไม่ควรจะคิดว่าต้องการให้แขนใหญ่ขึ้น แต่ที่ถูกแล้ว จะต้องบอกว่า ต้องการมีแขนใหญ่ขึ้น 1นิ้วครึ่งภายในสามเดือน หรือต้องการเพิ่มน้ำหนักในท่า BENCH PRESS ให้ได้อีก 15 กก. ยิ่งคุณบอกได้ละเอียดเท่าใด จิตใต้สำนึกของคุณ ก็จะทำงานให้คุณดีขึ้นเท่านั้น
4.เวลากรอกความคิดเข้าไปในจิตใจ คุณควรใส่อารมณ์เข้าไปด้วย เพราะถ้าพูดทื่อๆตรงๆ มันไม่น่าเร้าใจเอาเลย อย่างเช่นแทนที่จะพูดว่า "ฉันจะทำให้หน้าท้องเห็นเส้นเลือด" คุณควรจะพูดว่า "จะรู้สึกดีขนาดไหนนะ ถ้าฉันเล่นกล้ามท้องจนไขมันหายไปหมด จนเห็นเส้นเลือดเกาะอยู่ที่หน้าท้องเลย"
5.ร่วมมือกับเสียงภายในใจของคุณ โดยหลับตานึกถึงภาพตอนที่คุณ ทำสถิติท่า SQUAT โดยใช้น้ำหนักมาก จนไม่มีใครสู้ได้ หรือคุณมีกล้ามก้นที่คมชัด หรือคุณกำลังยืนเบ่งกล้ามแขนอันใหญ่โตอยู่ ทั้งหมดนี้ ทำก็เพื่อให้จิตใจคุณเห็นว่า ควรจะนำตัวคุณไปในทิศทางใด
6.หลีกเลี่ยงคนที่มีความคิดเป็นลบ คนพวกนี้ชวนคุณให้คิดแง่ลบตามเขา แม้ว่าคุณอาจไม่เชื่อเขาในตอนแรก แต่พอฟังพวกนี้พูดบ่อยๆ มันจะค่อยๆซึมซาบเหมือนยาพิษ เข้าไปในตัวคุณ มันจะทำลายความมีวินัยในตัวคุณ และที่สำคัญที่สุดคือ ทำลายระบบการเติบโตของมัดกล้ามคุณครับ
ทำให้ความมีวินัยในตัวเอง ของคุณ ขยายออกไป
เมื่อคุณมีแนวคิดที่เป็นบวก ความมีวินัยในตัวเองของคุณจะเติบโตขึ้น คุณจงทำให้มันเติบโตอยู่อย่างนั้น และนี่คือกลยุทธ์ที่คุณควรนำไปปฏิบัติ
1.สร้างเป้าหมายในชีวิตเสมอ - คิดว่าคุณคงเคยเห็นอดีตนักกีฬาชื่อดังหลายคน เมื่อเลิกราวงการไปแล้ว ปล่อยตัวให้อ้วนดูน่าเกลียด นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเขาจะบริหารร่างกายไปอีกทำไม ในเมื่อเขาไม่ได้แข่งขันอะไรแล้ว ซึ่งในความเป็นจริง ชีวิตคนเรามีเป้าหมายที่น่าทำตั้งมากมาย แต่เขาเหล่านั้นไม่ยอมกำหนดให้ตัวเองต่างหาก คนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตก็คือคนที่ไม่มีหลักการ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงคำสบประมาทนี้ คุณจะต้องสร้างเป้าหมายใหม่ๆเสมอ
เริ่มถามตัวคุณเองว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการทำต่อไป ลองสนใจกล้ามเนื้อใหม่ๆของคุณ ตั้งเป้าให้มันเลยว่า จะให้มันลดหรือเพิ่มอย่างไร เมื่อคุณมีเป้าหมายใหม่ๆ คุณก็จะมีหนทางใหม่ๆให้ทำ มีความกระตือรือร้นเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่จะเพิ่มแรงผลักดันที่ดีในจิตใจคุณ มันทำให้คุณมีวินัยในตัวเองเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นวัตถุดิบพาไปสู่เป้าหมาย
2.ทำบ่อยๆ - ลองคิดถึงการหัดขับรถของคุณดู สมัยแรกๆคุณตัวแข็งทื่อ จะเลี้ยว จะถอยหลัง ล้วนดูแล้วยากทั้งสิ้น แต่เมื่อคุณขับบ่อยเข้า คุณก็สามารถทำทุกอย่างได้โดยอัตโนมัติ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่บอกคุณว่า เมื่อจะทำอะไรลำบาก คุณควรจะทำมันทีละน้อยๆ บ่อยครั้งเข้า ในที่สุดคุณก็จะสามารถทำได้ การสร้างวินัยในตัวคุณเองก็เช่นกัน ควรค่อยๆสั่งสมไปทีละน้อย
อย่าคิดว่าการสั่งสมทีละน้อยๆนี้จะไม่มีค่า เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คุณก็จะมาถึงสุดขอบที่ผู้ชนะทั้งหลายเขามาถึงกัน การกัดไม่ปล่อยแบบนี้ ส่งผลให้คุณเห็นแม้ในการเพาะกาย ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค FORCED REPS ,การพักน้อยๆระหว่าเซท ,การไม่ทานอาหารขยะ แรกๆคุณแทบตาย แต่เมื่อค่อยๆหัดไป ในที่สุดคุณก็จะทำได้เป็นนิสัย
ผมเคยใช้เทคนิคนี้ เพื่อเอาชนะผู้แข่งขัน ผมคิดว่าการจะชนะคนบางคน ที่มีพรสวรรค์ในร่างกายดีกว่าผม ผมจะต้องมีวินัยในตัวเองที่เยี่ยมยอด นั่นหมายความว่า ผมจะต้องมีความพยายามมากกว่าคนอื่นนั่นเอง ตอนที่นั่งรออยู่ที่ธนาคาร ผมจะนั่งเขย่งขาขึ้นลงเพื่อบริหารน่องเหมือนกับตอนที่ผมบริหารท่า SEATED CALF RAISE และเช่นกัน ตอนที่นั่งดูการแสดงในโรงละคร ผมจะเกร็งกล้ามต้นขา เพื่อบริหารต้นขาด้านหน้าไปด้วย และยังมีตัวอย่างอื่นๆอีกมาก ซึ่งผลของมัน แสดงออกมาตอนที่อยู่บนเวที ใช่แล้ว ผมได้แชมป์
ระดับของความมีวินัยในตัวเอง
จากประสบการณ์หลายปี ในการผ่านโรงยิมมามากมายนับไม่ถ้วน คนที่ผมได้พบปะนั้น สามารถแบ่งระดับความมีวินัยในตัวเอง ได้ 5 ระดับด้วยกันดังนี้ครับ
จิตไม่ปกติ - พวกนี้เขาจะยกน้ำหนักที่ประหลาด ,กินทุกอย่างไม่เลือก ,สร้างท่าทางการออกกำลังแปลกๆขึ้นเอง ไม่มีทางสายกลางไม่ว่ากับเรื่องใดทั้งสิ้น คนพวกนี้บางคนก็กลัวการใช้ลูกน้ำหนักมากๆ เลยทำให้กล้ามเนื้อไม่ขึ้นเลย บางคนก็ใช้ลูกน้ำหนักมากเกินไป จนทำให้กล้ามไบเซบตัวเองขาด พวกเขาทานอาหารเสริมไม่เป็นเวลา ไม่มีระบบ ใช้ยาสเตอรอยด์ หรืออาหารเสริมแปลกๆ สรุปแล้วลงท้ายก็ต้องไปนอนในโรงพยาบาล หลังจากนั้นสองวัน เขาก็จะกลับมาที่ยิมอีก ยิ้ม แล้วเดินมาหาคุณ ถามว่า "ต้องการผู้ช่วยไหม?" คนพวกนี้บางทีก็ดูร่าเริง บางทีก็ดูเศร้าสร้อย ระดับความมีวินัยของเขานั้น กว้างมาก ขอบเขตของมัน ล้ำเส้นเข้าไปอยู่ในแดนความผิดปกติจิต คนที่กล่าวมานี้ มีน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ในโรงยิม แต่เมื่อใดที่คุณเจอเขา คุณจะรู้เลยว่า ใช่..
มนุษย์เครื่องจักร - ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงนักเพาะกายระดับแข่งขันนั่นเอง พวกนี้คือสุดยอดของความมีวินัยในตัวเอง (จนบางทีเข้าข่ายตึงเกินไปด้วยซ้ำ) ถ้าคุณอยากจะบริหารกับคนพวกนี้ คุณจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งสูสีกัน ที่ต้องพูดอย่างนี้ก็เพราะ คุณต้องใช้ลูกน้ำหนักเดียวกับที่เขาใช้ พักในเวลาอันน้อยนิดเท่ากับเขา เพราะคนเหล่านี้ บริหารด้วยน้ำหนักที่มากและรวดเร็ว (คำว่าเร็วในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการยกน้ำหนักเร็วๆ แต่หมายถึงว่ารีบพัก แล้วรีบมาบริหารต่อ - webmaster) กล่าวโดยรวมแล้ว มนุษย์เครื่องจักรจะไม่โกงในการบริหารเลย ไม่มีการเหวี่ยงน้ำหนัก ไม่มีการวางลูกน้ำหนักก่อนครบจำนวนครั้ง เรื่องอาหารการกิน ก็เข้มงวดอย่างมาก จะไม่ทานอาหารที่ประโยชน์น้อยเด็ดขาด ไม่สนใจกับคำว่า "เปลี่ยนรสชาดอาหารเพื่อความผ่อนคลาย" ขอเพียงให้สิ่งนั้นมีประโยชน์ และถูกหลักการ ก็จะทานอยู่นั่นเอง เขาเป็นพวกที่ต้องทานอาหารเป็นเวลาอย่างเคร่งครัด เราสามารถพบคนเหล่านี้ได้แค่ 3 เปอร์เซ็นต์ในยิม แต่หากมีคนพวกนี้อยู่แม้เพียงคนเดียว เขาจะเป็นจุดสนใจของคนทั้งยิม และแน่นอน ใครที่อยู่ใกล้เขา ก็ย่อมมีไฟในการเพาะกายติดตัว ราวกับติดเชื้อไข้ติดต่อ ยังไงยังงั้น
บ้าเป็นพักๆ - ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุด ของคนบ้าเป็นพักๆ กับมนุษย์เครื่องจักร ก็คือการอุทิศตน คนที่บ้าเป็นพักๆ มักจะหยุดบริหารบ่อยๆ บางทีเป็นอาทิตย์ บางทีเป็นเดือน แต่ผมยอมรับเลยว่า เมื่อคนเหล่านี้กลับมาบริหารอีกครั้ง ความแตกต่างของเขากับมนุษย์เครื่องจักร แทบจะแยกกันไม่ออกเลยทีเดียว เขาจะบริหารดุเดือด และเคร่งครัดในทุกๆเรื่อง พูดถึงความแข็งแกร่งแล้ว พวกเขาสู้มนุษย์เครื่องจักรไม่ได้ ทั้งๆที่เขามีศักยภาพที่จะทำได้ แต่ความรักอิสระ มาเป็นอุปสรรคไม่ให้เขาประสบความสำเร็จเช่นนั้น คนพวกนี้มีประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของที่พบในยิม
สามัญชน - ลูกค้าในยิม จะเป็นคนพวกนี้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เรียกว่ามากที่สุด กว่าคนทุกระดับแล้ว คนพวกนี้ดูง่ายนิดเดียว พวกเขาไม่เคยใช้เทคนิค FORCED REPS และไม่เคยเปลี่ยนท่าฝึก หรือเปลี่ยนตารางฝึกเลยตลอดปีตลอดชาติ กล้ามเนื้อพวกเขาไม่แข็งแกร่ง ดูไม่ออกเลยว่า ตอนนี้กล้ามเนื้อเย็น หรือถูกปั๊มแล้ว (กล้ามเนื้อเย็นหมายถึงว่า กล้ามเนื้อที่ยังไม่ได้เริ่มยกน้ำหนักในวันนั้น ส่วนกล้ามเนื้อที่ถูกปั๊ม หมายถึงว่า ได้เริ่มออกกำลังแล้ว - webmaster) เพราะมันจะเล็กเท่ากัน พูดถึงเรื่องอาหารด้วยแล้ว พวกเขาจะมีเหตุไม่ทานอาหารเช้าบ่อยๆ และเงินในกระเป๋าเขา ก็จะไม่เผื่อแผ่ไปถึงร้านขายอาหารเสริมเลย ระหว่างบริหารในยิมพวกเขาชอบชวนคนอื่นคุยจนเพลิน ในการบริหารแต่ละครั้งเขาจับเครื่องมือบริหารนับชิ้นได้ สมาธิในการฝึกก็ถูกชักจูงด้วยเรื่องอื่นจนเป็นปกติวิสัย แต่อย่างว่าแหละ เจ้าของโรงยิมต้องการคนพวกนี้ที่สุด เพราะจะได้มีรายรับเอามาดำรงชีพได้ไงล่ะครับ ผู้ที่มีระดับความมีวินัยในตัวเองขนาดนี้ ไม่สามารถแสดงผลใดๆกับร่างกายได้เลย
เต่าคลาน - คนระดับนี้ มีอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ ของลูกค้าในยิม คนเหล่านี้ระดับไฟในตัวมีค่าเท่ากับศูนย์ ไม่มีกิเลสตัณหาใดๆเลย (ประชด) ส่วนมากคุณจะเห็นคนพวกนี้ติดๆกันในยิมไม่เกิน 3 อาทิตย์ แล้วก็จะไม่เห็นเขาอีกเลยในชีวิตนี้ จะมีเหลือไม่กี่คนที่อยู่ได้เป็นเดือน แต่ก็เป็นเพราะคนนั้นไม่กล้าพอที่จะหันหลังให้ยิม เพราะกลัวคนนินทา อ้อ.. คุณควรจะหลีกเลี่ยงที่จะให้คนระดับนี้ เข้าช่วยประคองน้ำหนักให้คุณตอนที่คุณบริหาร เพราะคนเหล่านี้ไม่แข็งแรงพอที่จะยกน้ำหนักใดๆได้ เทคนิคการประคองน้ำหนัก ก็ไม่เคยมีในตัวเลยด้วยซ้ำ เรื่องตลกที่จะทำให้คุณผ่อนคลายก็คือ น้ำหนักที่คุณใช้วอร์มเสร็จแล้ววางลงกับพื้น เมื่อคนพวกนี้มายก พวกเขาจะตะโกนร้องราวกับว่ากำลังยกรถสิบล้ออยู่
ข้อควรจำคือ "การมีวินัยในตัวเอง" เป็นเรื่องของการควบคุมจิตใจ ใครก็ตามที่ควบคุมใจตัวเองไม่ได้ เขาผู้นั้นก็ควบคุมการกระทำของตัวเองไม่ได้ และคนที่ควบคุมการกระทำไม่ได้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะสร้างมัดกล้ามให้ตัวเองได้สักมัด คุณจะต้องเลือกเป้าหมายของคุณ สร้างเสียงในจิตใจคุณขึ้นมา และอะไรที่อาจมีอิทธิพลทำให้จิตใจคุณเบื่อหน่ายวินัยในตัวเองได้แล้วละก็ จงอยู่ห่างๆไว้ดีที่สุด
คำพูดสุดท้ายของบทความนี้คือ ภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่ได้อ่านบทความนี้จบ คุณสมควรที่จะยกระดับความมีวินัยในตัวเองของคุณให้สูงขึ้น แล้วมันจะให้ผล อย่างที่คุณไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับ รอช้าทำไมเล่าครับ
ผลงานอื่นๆ ของ M.barbecue^zaa^ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ M.barbecue^zaa^
ความคิดเห็น